งบประมาณ 63 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาทผ่านสภาฯด้วยเสียง 253 ต่อ 0 เสียง ฝ่ายค้าน 196 คนงดออกเสียง “นายกฯ” ขอบคุณสภา รับปากงบประมาณที่อนุมัติจะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์และแผนงานที่กำหนดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 11 มกราคม ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาท เป็นวันสุดท้าย โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยบรรยากาศการอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยสามารถลงมติได้อย่างรวดเร็วในหลายมาตรา
ในช่วงเย็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางมาเข้าร่วมรับฟังในช่วงมาตรา 51 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมกลับมาคึกคักอีกครั้ง กระทั่งเวลา 17.30 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจบการพิจารณาในวาระสอง และมีมติโหวตเห็นชอบรับร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายฯ ทั้งฉบับในวาระสาม ด้วยเสียง 253 ต่อ 0 งดออกเสียง 196 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณประธานสภาฯ และสมาชิกที่ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 63 ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการขับเคลื่อนแนวทางแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ ฉบับที่ 12 แผนการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการบูรณาการทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และพื้นที่ เพื่อผลผลิตของการเจริญเติบโตประเทศ เพื่อความยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเสริมสร้างศักยภาพของสังคม ลดความเหลื่อมล้ำในการใช้งบประมาณให้บรรลุเป้าหมายและประสิทธิผล ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน กระจายผลประโยชน์สู่ประชาชนโดยตรงอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรม ตามคำแนะนำ รวมถึงข้อเสนอและข้อห่วงใยที่สมาชิกได้เสนอแนะตลอดการประชุม
“รัฐบาลขอรับไว้ด้วยความขอบคุณ และจะนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานของส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์จากการใช้เงินงบประมาณมากที่สุด นอกจากนั้นขอขอบคุณ กมธ.วิสามัญทุกคนที่ได้ให้ความสำคัญเสียสละ และร่วมมือกันในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ อย่างเต็มที่จนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี รวมทั้งข้อสังเกตของคณะ กมธ.วิสามัญในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าของแผนงานมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ รัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะได้นำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อให้การจัดสรรทรัพยากรมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด” นายกฯ กล่าวและว่ารัฐบาลให้ความมั่นใจว่านโยบาย มาตรการ และงบประมาณที่อนุมัติที่นำไปใช้จ่ายครั้งนี้ จะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์และแผนงานที่กำหนด โดยรัฐบาลจะกำกับดูแลเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวมีความโปร่งใส และบรรลุผลสำเร็จตามนโยบายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล เพื่อให้ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ตามความมุ่งหวังของรัฐบาลและท่านสมาชิกสภาแห่งนี้ต่อไป
ต่อมา นายชวนกล่าวว่า ขอถือโอกาสนี้เรียนสมาชิกว่าต้องขอขอบคุณพวกเราทุกคน ที่มีความรับผิดชอบ คำนึงถึงภารกิจที่ประชาชนให้เราเข้ามาทำหน้าที่ มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ต่อประชาชน ขอบคุณทุกท่านที่แสดงความจริงใจ เพราะรู้ว่าเราเหนื่อยกันทุกคนในช่วง 4 วัน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ก็ต้องเหนื่อยกว่าเรา วันหยุดก็ต้องมาทำงาน ขอให้พวกเราทุกคนใช้วันหยุดชดเชยสมกับที่ได้อดหลับอดนอนมาหลายวัน ตนขอขอบคุณจากใจ
จากนั้นนายชวนได้ปิดการประชุมเวลา 17.42 น. ทั้งนี้ รวมระยะเวลาที่สภาพิจารณาวาระสองและวาระสาม รวม 4 วัน 3 คืน หรือ 56 ชั่วโมง สำหรับขั้นตอนต่อไป คือการส่งร่าง พ.ร.บ.งบฯ ?63 ที่สภาให้ความเห็นชอบส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ วุฒิสภามีเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน นับจากวันที่รับร่างจากสภา โดยเบื้องต้นวิปวุฒิสภากำหนดนัดประชุมวันที่ 20 ม.ค.นี้
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับว่า สบายใจอยู่แล้ว เพราะทุกคนช่วยกันอยู่แล้ว ไม่งั้นก็คือปัญหา งบประมาณออกไม่ได้ มันก็ทำงานลำบาก จะได้ดูแลประชาชนได้เต็มที่ ต่อไปนี้รัฐบาลจะดูแลอย่างเต็มที่นะขอบคุณ “ทุกคนร่วมมือกันหมดนะจ๊ะ ก็ทุกคนรักชาติกันอยู่แล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลโหวตลงมติวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่มีมติเห็นด้วย 253 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 196 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียงนั้น ปรากฏว่ามี ส.ส.ฝ่ายค้านที่ไปร่วมคะแนนเห็นด้วยให้กับฝ่ายรัฐบาล 7 คน เป็นของพรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 คน ได้แก่ นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย 1 คน ได้แก่ นางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชาติ 1 คน คือ นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี
ขณะที่นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ลงมติไม่ลงคะแนนเสียง ซึ่ง ส.ส.เหล่านี้เป็นบุคคลเดิมที่เคยสวนมติฝ่ายค้านลงมติร่วมเป็นองค์ประชุมในการพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบคำสั่งจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ยกเว้นนายนิยมเพียงคนเดียวที่เป็นงูเห่าหน้าใหม่ เพิ่งมาลงมติสวนมติฝ่ายค้านในครั้งนี้ ส่วนอดีต ส.ส.อนาคตใหม่ 4 คนที่ถูกขับออกจากพรรค ได้แก่ นางศรีนวล บุญลือ ส.ส. เชียงใหม่, นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี, พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา และ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี ที่ย้ายไปอยู่พรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อย ต่างลงมติไปในทางเดียวกันคือเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว