ดร.อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการช่วง 10 เดือนของปี 2562 (มกราคม-ตุลาคม) ว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันรับปีแรกอยู่ที่ 13,366 ล้านบาท อัตราการเติบโต 6% เบี้ยประกันชำระครั้งเดียว หรือ Single Premium 7,347 ล้านบาท อัตราการเติบโต 5% เบี้ยประกันรับปีต่อไป 51,147 ล้านบาท อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 83% และเบี้ยประกันรับรวม 71,860 ล้านบาท อัตราการเติบโต 4% สูงกว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจซึ่งเติบโตติดลบ 3% ส่งให้ไทยประกันชีวิตมีเบี้ยประกันรับปีแรกและเบี้ยประกันรับรวมเป็นอันดับ 2ของธุรกิจ
ทั้งนี้ ผลประกอบการดังกล่าว แบ่งเป็นเบี้ยประกันรับรวมผ่านช่องทางตัวแทน ประมาณ 70% และช่องทาง Non Agent ประมาณ 30% ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง แม้ในช่วงภาวะเศรษฐกิจผันผวนหรือได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่นๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยขยายตลาดผ่านทุกช่องทางการขาย โดยมีช่องทางตัวแทนซึ่งเป็นช่องทางหลัก ขณะที่ช่องทางอื่นๆ หรือ Non Agent ก็มีแนวโน้มขยายการเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
โดยอัตราการเติบโตดังกล่าว เป็นผลจากการที่บริษัทฯ ปรับเปลี่ยนโมเดลการดำเนินธุรกิจใหม่ หรือ Reinvent Business Model ในทุกด้าน โดยมุ่งสู่การเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต หรือ Life Solutions ทั้งการพัฒนากระบวนการทำงาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ การพัฒนาบุคลากร การบริหารความเสี่ยง การพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะการพัฒนาตัวแทนประกันชีวิต ผ่านการมุ่งพัฒนาทักษะความรู้ ความเชี่ยวชาญ และปรับเปลี่ยนทัศนคติ หรือ Mindset เพื่อพัฒนาสู่การเป็นผู้วางแผนดูแลชีวิตและการเงิน หรือ Life Partner และ Financial Partner ให้กับผู้เอาประกัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้พัฒนาสินค้าในลักษณะ Life Solutions Product ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ภายใต้แนวคิดการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Customer Centric เพื่อมอบหลักประกันที่มั่นคง และวางแผนดูแลชีวิตและการเงินให้ผู้เอาประกันอย่างครบรอบด้าน โดยแบ่งกลุ่มสินค้าออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย Money Fit แบบประกันประเภทออมทรัพย์ สำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินให้ได้ผลตอบแทนที่แน่นอน Investment Fit ประกันควบการลงทุน ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ทั้ง Universal Life และ Unit Linked
Legacy Fit แบบประกันที่สร้างกองทุนมรดก หรือวางแผนภาษีมรดก สำหรับลูกค้า High Net Worth หรือลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง Life Fit แบบประกันสำหรับลูกค้าที่ดูแลสุขภาพดี เบี้ยประกันชีวิตจะถูกปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของลูกค้า และ Health Fit สัญญาเพิ่มเติม เพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพ ทั้งอุบัติเหตุ สุขภาพ และโรคร้ายแรง
“บริษัทฯ ขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง หรือ High Net Worth ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่มากนัก ด้วยการนำเสนอแบบประกันที่เหมาะสม และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ อาทิ แบบประกันชีวิตควบการลงทุน แบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง แบบประกันเพื่อการวางแผนมรดก เป็นต้น โดยมีตัวแทนมืออาชีพทั้ง Life Partner และ Financial Partner ทำหน้าที่วางแผนทั้งด้านการคุ้มครองชีวิต การเงิน และการลงทุน” ดร.อภิรักษ์กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ แสวงหาโอกาสในการลงทุนและผู้ร่วมทุนรายใหม่ ตามยุทธศาสตร์การขยายตลาดไปยังประเทศในภูมิภาค AEC ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดี โดยล่าสุดได้ร่วมทุนในบริษัท CB Life Insurance จำกัด สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในสัดส่วน 35% ซึ่งไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตอาเซียนแห่งแรกที่ขยายสู่ตลาดเมียนมา ในลักษณะการเข้าถือหุ้นบริษัทประกันชีวิตท้องถิ่น