เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ศาลาว่าการกทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขายหรือจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะ ว่า ที่ประชุมได้สรุปพื้นที่ที่จะเปิดให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้ทำการค้าขายบนทางเท้า ในพื้นที่ 4 เขต จำนวน 5 จุด รวม 191 แผงค้า ได้แก่ 1.ซอยบางขุนเทียน 69 ถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน รองรับผู้ค้าได้จำนวน 45 แผง 2.ถนนสาลีรัฐวิภาค เขตพญาไท จำนวน 36 แผง 3.ฝั่งตรงข้ามห้างพาต้า เขตบางพลัด จำนวน 66 แผง 4.บริเวณห้างเซนทรัลปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี จำนวน 20 แผง และ5.หน้าห้างโลตัสปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี จำนวน 24 แผง เขตบางกอกน้อย โดยจะร่างหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต่างๆ เพื่อออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้า และการขายหรือจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้
โดยเบื้องต้นหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้า จะมีทั้งการห้ามเซ้งแผงหรือให้เช่าช่วงต่อ ห้ามวางของล้ำหรือเลยเส้นที่ขีดไว้ โดยล็อกแผงค้าจะหันหลังให้ถนน เว้นห่างจากถนน 50 ซม.ห้ามวางสิ่งของบนผิวจราจร ขนาดล็อกแผงค้ามีความลึก 1ม. กว้าง 2ม. เว้นทางเข้า-ออก ทุก 10 ล็อก มีทางสำหรับผู้พิการ และให้คนเดินกว้าง 2 เมตร ทั้งนี้ จุดที่กทม.เปิดให้ค้าขายได้นั้น จะต้องอยู่ในเงื่อนไข กฎ กติกา ตามที่กำหนด โดยจะให้ตัวแทนผู้ค้าเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการดูแลพื้นที่ด้วย จุดละ 3-10 คน คอยตรวจสอบรับผิดชอบพื้นที่กันเองไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎข้อหนึ่งข้อใดจะให้ร้านที่ฝ่าฝืนหยุดค้าขาย 1 เดือน และหากพบยังมีการทำผิดซ้ำซาก จะพิจารณายกเลิกพื้นที่ค้าขายนั้นทั้งหมดทันที
จากนั้นในเดือนก.พ. จะประกาศให้ผู้ค้าไปลงทะเบียนที่สำนักงานเขต ก่อนจับสลากตามจำนวนแผง พร้อมทั้งตรวจสอบคุณสมบัติผู้ค้า ซึ่งจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย ต้องมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อยืนยันว่าเป็นผู้มีรายได้น้อย โดยจะเริ่มให้ทำการค้าขายได้ในวันที่ 5 มี.ค.63 อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมสรุปรายละเอียดรูปแบบแผงค้าในวันที่ 22 ม.ค.นี้ โดยเบื้องต้นกำหนดให้ทั้ง 5 จุดจะต้องเป็นรูปแบบและสีเดียวกันทั้งหมด เพื่อความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย